Deng Chao CEO ของ HashKey Capital ออกมาเน้นย้ำว่าคลังคริปโต (Digital Asset Treasury หรือ DAT) จะสามารถ “อยู่รอดได้ในทุกสภาวะตลาด” ก็ต่อเมื่อถูกจัดการอย่างมีกลยุทธ์ ไม่ใช่เพียงถือไว้เพื่อเก็งกำไร
เขาเผยกับสื่อ Cointelegraph ว่า ความยั่งยืนของคลังสินทรัพย์ดิจิทัลขึ้นอยู่กับ การกำกับดูแลที่เข้มงวด วินัยการลงทุน และการกระจายความเสี่ยง พร้อมเตือนว่าคลังคริปโตที่มองสินทรัพย์เป็นเพียงเครื่องมือเก็งกำไรมักล้มเหลวเมื่อเจอวงจรตลาดที่ผันผวน
“สินทรัพย์ดิจิทัลเองไม่ได้ยั่งยืนโดยธรรมชาติ แต่การจัดการที่มีวินัยต่างหากที่ทำให้มันอยู่รอด”
HashKey เปิดตัวกองทุน DAT มูลค่า 500 ล้านดอลลาร์
เพียงไม่กี่สัปดาห์ก่อนหน้านี้ HashKey ได้เปิดตัวกองทุน DAT ขนาด 500 ล้านดอลลาร์ในฮ่องกง โดยเน้นลงทุนใน Bitcoin และ Ethereum พร้อมกระจายไปยังโครงสร้างพื้นฐานแบบ on-chain บริการฝากสินทรัพย์ และระบบนิเวศที่กำกับดูแล
Chao ระบุว่า กองทุนนี้ถูกออกแบบมาเพื่อให้บริการแก่ บริษัทและสถาบันการเงิน ที่ต้องการใช้คริปโตในเชิงปฏิบัติ ไม่ใช่แค่ถือครองเพื่อหวังผลกำไรระยะสั้น แต่ยังสามารถเกาะกระแสการเติบโตของโครงสร้างพื้นฐานคริปโตได้ด้วย
DAT และ ETF ไม่ใช่คู่แข่งกัน แต่ช่วยกัน
Chao ชี้ว่า DAT และ ETF ไม่ได้เป็นคู่แข่งกัน แต่ทำหน้าที่ต่างกัน โดย ETF คือเครื่องมือการลงทุนสำหรับนักลงทุนทั่วไป ส่วน DAT คือ “คลังสินทรัพย์ดิจิทัล” สำหรับบริษัทที่ต้องการฝังคริปโตไว้ในโครงสร้างระยะยาว
ข้อมูลล่าสุดเผยว่า กองทุน Bitcoin ETF แบบ Spot มีสินทรัพย์รวม 152.31 พันล้านดอลลาร์ คิดเป็น 6.63% ของมูลค่าตลาดรวมของ Bitcoin ขณะที่บริษัทมหาชนถือครอง BTC รวมกว่า 1.11 ล้านเหรียญ คิดเป็น 1.28 แสนล้านดอลลาร์
Sourcr: Cointelegraph